ชื่อ: สิทธิพิเศษ นามสกุล: โอกาสที่หายาก ชื่อเล่น: ได้เปรียบ มิตรสหายและเครือญาติ: ได้รับการยกเว้น
Name: Privileged Surname: Advantage Nickname: Affluent Affiliate with: Fortunate,
Special
การได้รับสิทธิพิเศษ นับว่าเป็นอีกความรู้สึกที่จะทำให้เรามีแรงขับเคลื่อนไปในทางที่ดี เพราะว่าเหมือนเราอยู่ในภาวะที่มีความพร้อมกว่าคนอื่น หรือรู้สึกว่าได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนจาก....เราจะรู้สึกว่าเราโชคดี และมีความพิเศษ ซึ่งพอมีจุดเริ่มต้นที่ดีแล้ว จะมีอีกคำหนึ่งที่คำภาษาอังกฤษมักจะมาคู่กัน คือ “Taking things for granted” ที่แปลได้ว่า การไม่ให้คุณค่าในสิ่งที่ตัวเองได้รับ มีหรือเป็นเท่าที่ควร
ดังนั้น จึงเป็นความรู้สึกที่ดี ที่ต้องมีสติกำกับ ว่าเราจะไม่ลืมตัว เพราะถ้าเรามาอยู่ในจุดที่ได้โอกาศที่หาได้ยาก ได้เปรียบแล้วเราต้อง ใช้สถานะนี้ในการออกตัวที่ดี การออกตัวที่ดี ถ้าเราเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนคนจะเดินทางไปที่ใดที่หนึ่งพร้อมกัน เทียบเป็นกรุงเทพฯ ก็ได้ เพื่อให้มองเห็นภาพ หรือเทียบว่าเป็นการเดินทางสู่ความสำเร็จที่เราคาดหวังไว้คนที่รู้สึก “Privileged” คือคนที่อาจจะมีความพร้อมดีกว่าหลายๆ ด้าน ทางด้านใจ คือเขาอาจมีความชัดเจนแน่นอนว่าเขาจะไปเพื่ออะไร (นั่นคือ ทำไมต้องไป) ไปทำอะไร กับใคร ที่ไหน อย่างไร และผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคืออะไรส่วนทางด้านความพร้อมทางด้านปัจจัยสนับสนุน ก็อาจเป็น เช่น มียานพาหนะที่เหมาะสม เช่น รถยนต์ คนขับ น้ำมัน รู้จักเส้นทาง มีที่พัก มีคนมารับไปทำกิจกรรม คือมีการเริ่มต้นและจบท้ายการเดินทางที่มีความหมายนั่นเอง
แต่ถ้าคนที่เขาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบนี้ เขาอาจจะเริ่มหลงทางตั้งแต่จะไปแล้วก็ได้ ก็คือไม่รู้จะไปทำไม และไม่ได้มีการวางแผน ไม่ได้มีความพร้อมหรือมีผู้ช่วยแต่อย่างไร ฉะนั้นเขาจะต้องมีความตั้งใจ ใช้พลังงาน แรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์และสติปัญญาอย่างมากที่จะทำให้ได้เกิดผล อย่างที่คนกลุ่มแรกนั้นรู้สึกได้จึงเป็นความน่าเห็นใจนั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมคนในกลุ่มแรกนั้น ควรจะไม่ลืมตัว และให้คุณค่ากับสิ่งที่ตัวเองมีมากกว่าคนอื่นนั่นเอง
ที่นี้มาพูดถึง ที่ไปของความได้เปรียบกัน เป็นไปได้ไหมว่าบางคนเกิดมาก็พร้อมเลยทั้งกาย สติปัญญา ทรัพย์สิน วงศาคณาญาติ เพื่อนฝูง งาน การศึกษา ครอบครัว? เราก็เห็นๆ กันอยู่มีคนที่เขาเกิดมาเพรียบพร้อม อาจจะไม่ทุกด้านตามนั้น แต่ก็มีจริงซึ่งคนกลุ่มนี้ถ้าเขาได้รับการสั่งสอน และการสนับสนุนที่ดี เขาจะได้ทำประโยชน์ต่อสังคมและโลกใบนี้มาก แล้วคนที่ (ดูเหมือน) จะไม่มีอะไรเลยเทียบกับคนกลุ่มแรก เช่น พิการ จน กำพร้า ไร้ญาติ ตกงาน ไม่ได้เรียนหนังสือ ครอบครัวแตกแยก หรือ ไม่มีครอบครัวเลย จะมีจริงไหม?
ตรงนี้แหละที่เป็นคำถามท้าท้าย เพราะถ้ามองเชิงเปรียบเทียบ จะเห็นว่ามีแน่นอนแต่จากการที่เราได้สะสมความรู้สึกทรงพลังดีๆ และโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ได้พูดถึงการมองโลกในแง่ดี มาจากตอนที่แล้วนี่เอง ทำให้พบว่า จริงๆ ในความขาดความพร้อม เราสามารถเลือกมองให้เห็นเป็นความพร้อมได้ ภาษาอังกฤษ มีการใช้คำว่า from- Adversity to Advantage - หรือ from - Pain to Power and Prosperity- ได้
นั่นก็คือมองวิกฤติให้เป็นโอกาส เห็นความลำบากเป็นการได้เปรียบ หรือการเปลี่ยนจากความเจ็บปวดเป็นพลังและความเจริญเติบโตได้นั่นเองซึ่งตรงนี้แหละที่ต้องมาฝึกกัน เพราะที่เราไม่เกิดมาโชคดี มีพร้อมทุกอย่าง เราถึงต้องมาฝึกการคิดแบบทรงพลังกันค่ะ
コメント